Apr
11
2022

รีวิวหนัง Yaksha (2022) ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์

Yaksha (2022) ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่ออัยการมือสะอาดที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะไปท้าทายอำนาจของผู้มีอิทธิพล เขาจึงถูกส่งตัวไปทำงานยังหน่วยข่าวกรองแห่งชาติโดยมีภารกิจสำคัญคือการเดินทางไปยัง เสิ่นหยาง เพื่อตรวจสอบการทำงานของสายลับเกาหลีใต้ที่รู้จักกันในนาม ทีมแบล็ก ภายใต้การนำของหัวหน้าทีมผู้ได้สมญาว่า ยักษ์ จากวิธีการทำงานอันสุดโต่งและเลือดเย็น ดูเหมือนงานของอัยการฮันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อต้องเข้าไปร่วมงานกับทีมแบล็กโดยไม่ตั้งใจ กับการตามหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือที่หายตัวไปพร้อมกับข้อมูลลับที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พวกเขาได้เผชิญหน้ากับวายร้ายจอมบงการที่รับมือยาก ปฏิบัติการโค่นล้มอำนาจมืดของอัยการกับทีมสายลับจึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน

Yaksha ปฏิบัติการล้มยักษ์ 1

เรื่องนี้ได้ นาฮยอน เจ้าของผลงานชื่อดังอย่าง May 18 (2005) และ The Prison (2017) ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับและเขียนบทร่วมกับ นักเขียนฮันซังอุน ซึ่งถือเป็นมือดีด้านภาพยนตร์แก๊งสเตอร์ด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้ว จึงทำให้ Yakshaปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีพล็อตเรื่องเจ๋งพอจะเรียกแขกเข้าบ้านโดยไม่ต้องเกลี้ยกล่อมอะไรกันมาก เพราะโยงใยไปถึงความสัมพันธ์ทางการทูตทั้งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เรียกว่าสาวไส้ความฟอนเฟะระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกันเลยทีเดียว แถมยังเสียดสีอิทธิพลในทางมิชอบขององค์การระหว่างประเทศได้อย่างน่าประทับใจ

Yaksha ปฏิบัติการล้มยักษ์ 4

แต่ช้าก่อน ถึงแม้เนื้อหาจะนำเสนอได้อย่างแปลกใหม่มากขนาดไหน แต่สิ่งที่ฉุดความยิ่งใหญ่ให้ลงเหวคือองค์ประกอบอื่นที่จืดชืดไร้รสชาติ แม้จะสอดแทรกมุกตลกมาบ้างประปรายโดยเฉพาะตัวเงินตัวทองซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของจินยองที่ตั้งชื่อว่า แบมน้อย ซึ่งไปละม้ายคล้ายคลึงกับชื่อเพื่อนร่วมวง แต่หากพูดถึงหนังสายลับผู้ชมมักคาดหวังแผนการล้วงคองูเห่าที่กระตุ้นต่อมความระทึก ฉากแอ็กชันเดือดเลือดสาดมันส์ถึงใจ และวิธีการดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยการหักมุมจนตบเข้าฉาดในตอนท้าย ต้องพูดกันตามตรงว่าน่าเสียดายที่เรื่องนี้ทำคะแนนไม่ถึงมาตรฐานแม้แต่ข้อเดียว

Yaksha ปฏิบัติการล้มยักษ์ 5

แม้จะใส่องค์ประกอบที่หนังแนวนี้จำเป็นต้องมีมาอย่างครบถ้วน ทั้งการหักเหลี่ยมเฉือนคม แผนซ้อนแผนและหนอนบ่อนไส้ แต่ระหว่างทางกลับมีความพยายามอย่างมากที่จะแหกตาคนดูว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิด หากแต่หลายฉากเป็นการหักมุมที่ไม่ได้องศาจนถึงขั้นแข็งทื่อไปตามสูตรสำเร็จหนังอาชญากรรมที่เคยผ่านตา โดยเฉพาะคอหนังแนวนี้เห็นหน้านักแสดงแล้วจะคาดเดาได้ทันทีว่าหมอนี่คือ Last Boss อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ชั้นเชิงของการดำเนินเรื่องที่คาดหวังว่าจะเติมเต็มความระทึกถึงใจจึงขาดหายไปพอสมควร แม้แต่ดนตรีประกอบฉากยังไม่สามารถเร้าความรู้สึกให้คล้อยตามไปได้เลย

ตัวอย่าง