การเจรจาสันติภาพในยุคที่เกิดสงครามปี 1938 เจ้าหน้าที่อังกฤษ 2 นาย ถูกส่งไปยังเมืองมิวนิกประเทศเยอรมัน ฮิวจ์ ลีแกต พอล ฟอน ฮาร์ทมันน์ นักการทูตเยอร ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อหานโยบายและทางออกด้านเสรีภาพก่อนจะเข้าสู่สภาวะสงคราม ซึ่งในช่วงนั้นเป็นยุคที่ประเทศเกิดการประทวงและเข้าสู่ความโกลหลทางการเมืองการปกครอง อย่างไรก็ตามพวกเขาจะใช้วิธีใดในการหยุดสงคราม

รีวิว
Munich: The Edge of War เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1938 ยุโรปกำลังจะเข้าสู่สงคราม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เตรียมบุกเชโกสโลวาเกีย และรัฐบาลของเนวิลล์ เชมเบอร์เลนก็พยายามทุกวิถีทางที่จะหาทางออกอย่างสันติ เมื่อความกดดันทวีขึ้นเรื่อยๆ ฮิวจ์ ลีแกต เจ้าหน้าที่รัฐของอังกฤษ และ พอล ฟอน ฮาร์ทมันน์ นักการทูตเยอรมัน จึงเดินทางไปมิวนิกเพื่อเข้าประชุมวาระฉุกเฉิน เมื่อการเจรจาต่อรองเริ่มต้นขึ้น เพื่อนเก่าทั้ง 2 คนกลับต้องตกอยู่ท่ามกลางวังวนของกลอุบายทางการเมืองและอันตรายที่แท้จริง

หนังเรื่องนี้ก็คงจะมีโทนบรรยากาศไม่ได้แตกต่างไปจากหนังสงครามเชิงเกมการเมืองและพันธะสัญญาที่ต้องชิงไวชิงพริบกันทุกนาที มีกลิ่นลุ้นระทึกและเข้มข้นแบบ “The Imitation Game” หรือ “Darkest Hour” ใส่ความลุ้นระทึกแบบ “Dunkirk” เข้ามาเบาๆ เพียงแต่ว่าองค์ประกอบต่างๆ ยังไม่สามารถเข้าใกล้ความยอดเยี่ยมได้เท่ากับหนังคุณภาพในระดับนั้น

แต่ก็ไม่ใช่ว่า Munich: The Edge of War จะไม่ได้เป็นหนังที่ดี สารและข้อความของหนังค่อนข้างชัดเจนและหนักแน่นเป็นอย่างมาก การเดินเรื่องค่อนข้างเข้มข้นน่าสนใจ ครึ่งแรกของหนังในการปูเรื่องที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นยิงสารถึงคนดูได้อย่างตรงไปตรงมา ขณะที่ช่วงครึ่งหลักของหนังค่อยๆ บีบคั้นด้วยสถานการณ์ขึ้นทีละน้อย ผ่านการขับเคลื่อนของตัวละครหลักที่ไม่สามารถไว้วางใจใครได้เลย
ตัวอย่าง