ภาพยนต์แอคชั่นคอมมี้ SPENSER CONFIDENTIAL : สเปนเซอร์ ลุย ล่า ปราบทรชน เล่าถึงเรื่องราวของตำรวจคนหนึ่งที่เพิ่งออกจากคุกเพียง 1 วันก็มารู้เรื่องว่าหัวหน้าที่เคยทำงานด้วยเสียชีวิตจากการฆาตกรรม งานนี้ตำรวจนายนี้จึงไม่อยู่เฉยๆ ลงมือตามล่าหาความจริงอย่างเร็ว

Spenser Confidential สเปนเซอร์ ลุย ซ่า ปราบทรชน อดีตตำรวจติดคุกถูกดึงเข้าสู่โลกอาชญากรรมใต้ดินของบอสตัน เมื่อค้นพบความจริงเบื้องหลังฆาตกรรมซ่อนเงื่อนและการพยายามสมคบคิดเพื่อปกปิดคดี แม้จะถูกคุกคามและข่มขู่ แต่สเปนเซอร์ก็มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความยุติธรรมด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
หนังแอ็กชั่นสายตลกฟอร์มกลางๆ ของ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ที่มารับบท “สเปนเซอร์” ตำรวจหนุ่มใจรักความยุติธรรมที่ติดคุกมา 5 ปี โทษฐานทำร้ายร่างกายตำรวจด้วยกันเอง เมื่อออกจากคุกเขากลับต้องมาเจอคดีตำรวจถูกฆ่าตาย 2 นาย และกลายเป็นเหมือนการจัดฉากฆ่ากันเอง นั่นทำให้เขาทนไม่ได้ต้องกลับมาสืบสวนแบบตำรวจอีกครั้ง โดยคราวนี้มี “ฮอว์ค” คู่หูหนุ่มผิวดำร่างยักษ์ที่กำลังคิดฝันเป็นนักสู้ในกรง MMA มาช่วยด้วยอีกแรง

นี่เป็นหนังฟอร์มกลางของ Netflix ที่เอาดารานำมีชื่อมาชูโรงให้ดูเป็นหนังฟอร์มใหญ่ขึ้นมาหน่อย ซึ่งก็ได้ผลเพราะถ้าไม่ใช่ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็คงไม่มีแรงดึงดูดหรือความเชื่อใจให้ดูสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เอาดารานำมาปะหน้าแล้วจะขายได้ ตัวหนังเองก็ต้องมีดีพอตัวด้วยเหมือนกันดารานำใหญ่แบบนี้ถึงมาเล่นได้ ซึ่งหลังดูจบบอกเลยว่าเหมือน Netflix กำลังพยายามสร้างหนังแฟรนไชนส์โดยใช้ดารานำเรื่องละคน อย่าง ไรอัน เรย์โนลส์ กับ 6 Underground ที่เปิดเรื่องมาก็บอกเลยว่ากะทำต่อยาวๆ Spenser Confidential กับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็เช่นกัน หนังสร้างคาแรกเตอร์อดีตตำรวจตงฉินที่มีเอกลักษณ์ของการเป็นจอมเสือก ได้ข่าวอะไรที่ดูแปลกๆ พี่แกก็พร้อมจะเข้าไปเสือกกับบวกให้เป็นเรื่องทุกทีไปตั้งแต่เคสแรกของตัวเอง ที่สุดท้ายก็เลยต้องโทษจำคุกกันตั้งแต่เปิดเรื่อง

หนังใช้ความเสือกของพระเอกในแบบที่กวนทีนเหลือร้าย ด้วยความที่เขาเป็นตำรวจเก่ามาก่อน มาคราวนี้เป็นพลเมืองธรรมดาไม่มีอภิสิทธิ์ในการเข้าไปสืบแบบแต่ก่อน ก็เลยต้องใช้มุกหลอกล่อแบบกึ่งโหดกึ่งฮากับเป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล พร้อมกับต้องโดนรุมซ้อมมันทุกครั้งที่เข้าไปสืบอะไรแบบนี้ ไม่เว้นกระทั่งฉากฟัดกับหมาที่ฮามาก หนังเรื่องนี้จึงเป็นแอ็กชั่นแบบอัดกันตุ้บตั๊บ+ตลกกับความซวยของพระเอกที่อยู่คู่กันทุกครั้ง ซึ่งแต่ละมุกก็เป็นธรรมชาติเนียนไปกับเรื่องดีมาก แบบทำเอาฮาเล็กฮาใหญ่ไปได้เรื่อยๆ ออกจะคล้ายๆ วิ่งสู้ฟัดของเฉินหลงแบบนั้น
