ซีรี่ย์NETFLIX จากหนังสือการ์ตูนเรื่องดัง กลายเป็นภาพยนต์ที่น่าจับตามอง บอกเล่าเรื่องราวการเผชิญหน้าของรูโรนิศัตรูตัวร้ายที่สุดและรู้ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับบาดแผลรูปกากบาทบนใบหน้าของเคนชิน รูโรนิออกตามล่าหาตัว เคนชิน กับ เอนิชิ โยกิชิโระ โดยการทำร้ายผู้คนไปทั่วโตเกียวเพื่อเรียกให้เคนชินออกมา นอกจากนั้นหนังยังจะพาเราย้อนไปรู้ปริศนารอยแผลเป็นรูปกากบาทบนแก้มของเคนชินอีกด้วย

ฉากแอ็กชั่น ในภาคนี้การได้ตัวละครเอนิชิที่ใช้วิชาวาโตเข้ามาเป็นตัวร้ายหลักของภาค ก็ทำให้มีการออกแบบฉากต่อสู้ได้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในภาพรวมแล้ว ฉากแอ็กชั่นค่อนข้างจัดเต็มเอามากๆ ใส่เข้ามาแบบไม่ต้องมีกั๊ก ทั้งฉากฟันดาบ ยิงปืนกล ระเบิด และอื่นๆ
ที่สำคัญคือนักแสดงหลักของเรื่องเล่นฉากแอ็กชั่นกันเองค่อนข้างเยอะด้วย มาดูคลิปเบื้องหลังที่ทีมนักแสดงเล่นฉากแอ็กชั่นกันเองเลย ที่น่าทึ่งก็คือการแสดงฉากแอ็กชั่นของ ซาโต้ ทาเครุ ในบทเคนชิน และ แมคเคนยู ในบท เอนิชิ รวมถึงนักแสดงสาวอย่าง ทาโอะ สึจิยะ ในบทมิซาโอะ
นักแสดง นี่ก็เป็นจุดเด่นสำคัญ โดยเฉพาะ ซาโต้ ทาเครุ ที่รับบท ฮิมุระ เคนชิน ซึ่งน่าจะเป็นภาพจำของตัวละครนี้ไปอีกนาน ถึงแม้ในอนาคตจะมีการนำกลับมารีเมกในอนาคต แต่ทาเครุได้สร้างมาตรฐานระดับสูงในบทเคนชินเอาไว้แล้ว ทั้งการแสดงสีหน้าท่าทาง อีกทั้งฉากแอ็กชั่น ที่มีคลิปปล่อยออกมาเป็นระยะว่าเขาเล่นฉากแอ็กชั่นด้วยตัวเองกว่า 70-80% เลยทีเดียว โดยเฉพาะพวกฉากที่ต้องใช้ความคล่องแคล่ว ความเร็ว ฉากฟันดาบ การวิ่งไต่กำแพงและหลังคาบ้าน ที่เจ้าตัวแทบจะเล่นเองทั้งหมด ถือว่าเป็นมิติใหม่ของวงการภาพยนตร์แอ็กชั่นญี่ปุ่นได้เลย (ต่างชาติแซวกันในคลิปยูทูปเบื้องหลังการถ่ายทำว่า เคนชินเล่นเป็นซาโต้ ทาเครุ ไม่ใช่เขาเล่นเป็นเคนชิน)
ทีมนักแสดงคนอื่นๆก็ยอดเยี่ยมกันหมด โดยเฉพาะสาวน้อย เอมิ ทาเคอิ ที่กลับมาในบท คาโอรุ นางเอกของเรื่อง และอีกหนึ่งสาวน้อยที่กำลังดังมากอย่าง ทาโอะ สึจิยะ ที่กลับมาในบท มิซาโอะ (ทาโอะเริ่มดังในระดับอินเตอร์จากการรับบทนางเอกในเรื่อง Alice in Borderland) รวมถึง ยูสุเกะ เองุจิ ในบทของ ไซโต้ ฮาจิเมะ ที่ก็หาคนมาเล่นบทนี้แทนแกยากเหมือนกัน

ด้านเนื้อหา มีการปรับเรื่องราวให้เข้ากับการเป็นหนังยาว 2.17 ชั่วโมง ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าต้องปรับเนื้อหาจากต้นฉบับมังงะพอสมควร แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิด
แล้วสำหรับ “คนที่ไม่เคยอ่านมังงะหรือรู้เรื่องราวของเคนชินมาก่อน” อาจจะงงกับเรื่องราวความรักความแค้นและปมของเคนชิน โทโมเอะ และเอนิชิ อยู่บ้าง แต่หนังภาค Final ก็มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะเอาเรื่องราวในหนังภาคแรกสุดที่จะเป็นการย้อนอดีต (ซึ่ง Netflix คงจะเอาเข้ามาเร็วๆ นี้) มาเล่าแทรกให้คนที่ดูสามารถเข้าใจปมทั้งหมดของเรื่องอย่างง่ายที่สุดแล้ว ซึ่งในต้นฉบับมังงะ ก็เป็นการเล่าย้อนอดีตของเคนชินกับโทโมเอะไปหลายตอนเหมือนกัน

ตัวอย่าง